วันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2559

บทที่ 1ค่านิยมของชีวิต(กำลังปรับปรุง)

ค่านิยมของชีวิต

บางคนบอกว่าค่านิยมของมนุษย์ก็คือ กิน ปี้ ขี้ นอน

หรือมนุษย์มีชีวิตเพื่อการสืบพันธ์ แพร่เผ่าวงตระกูลออกไป

ฟังๆ ทะแม่งๆพิลึกพิลั่น จะออกไปแนวอีโรติกเรทอาร์เรทเอ๊กซ์หรือไงกัน

จริงๆแล้วเรื่องเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องธรรมชาติธรรมดาที่คนเราต้องทำกันอยู่เสมอ ใครที่เคยอ่านเรื่องอาดัมและเอวามนุษย์คู่แรก ทั้งสองเปลือยกายในสวนเอเดน ไม่มีความอาย เพราะเวลานั้นความอายยังไม่มี

หลังจากมีความอาย เรื่องเพศสัมพันธ์ก็กลายเป็นเรื่องปกปิด เป็นเรื่องน่าอายหลบลี้หนีหน้า กลายเป็นสิ่งที่ไม่ดี ต่อต้าน ปฎิเสธ กลายเป็นสิ่งต้องห้าม จนพลาดความหมายที่แท้จริงและวัตถุประสงค์เป้าหมายหลักจริงๆของชีวิตการสมรสและการมีครอบครัวที่ดี

เรียนรู้ผิดถูกเอาเอง ผลที่ออกมาจะผ่านไม่ผ่านจะดีไม่ดีก็แล้วแต่ตัวใครตัวมัน ไม่มีตำราวิชาครูสอน นอกจากค้นคว้าหากันเอาเอง

ยิ่งคำว่าครอบครัวในบ้านเรา ไม่ได้หมายถึงแค่พ่อแม่ลูกเท่านั้น มันรวมไปถึงปู่ย่าตายาย ลุงป้าน้าอา ญาติพี่น้อง บางทีก็รวมไปถึงเพื่อนสนิทมิตรสหาย เพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียง ก็สุดแล้วแต่ใครจะเติบโตมาในสถานะการณ์และสิ่งแวดล้อมอะไร

ผมก็ขอออกตัวก่อนเลยนะครับว่านี่เป็นเรื่องราว ประสบการณ์ส่วนตัว ความคิดและเหตุผล มุมมองของผมเอง อาจจะไม่ใช่ของศรีภรรยา ลูกๆหรือใครๆก็ได้นะครับ ที่ผมอยากจะเขียนชี้นมา ก็จึงเป็นที่มาของหนังสือเล่มนี้ครับ


ค่านิยมแห่งชีวิต.................


.............ผู้อัจฉริยะ คือผู้สามารถที่วางตัวเองถูกที่ถูกทาง

.............ส่วนผู้โง่เง่าในสายตาเรา ....อาจจะเป็นผู้มีความสามารถที่บังเอิญวางตัวเองผิดที่ผิดทางนั่นเอง.............


ตัวอย่างเช่น


.....คุณกับคนป่าผู้หนึ่ง ขณะหลงทางในป่าอัฟริกา ขาดแคลนทั้งน้ำและอาหาร 
ในภาวะเช่นนั้น คุณต้องถือว่าคนป่าผู้นี้เป็น อัจฉริยะ เพราะเขารู้วิธีเอาตัวรอดในป่า

.....ในทางกลับกัน หากคุณพาคนป่าเข้าเมือง สั่งให้เขาใช้คอมพิวเตอร์ 
สถานการณ์จะกลับหน้ามือเป็น หลังมือ เพราะเขากลายเป็น idiot ไปแล้ว

.............คนเราเกิดมาย่อมใช้ได้ไม่ทาง ใดก็ทางหนึ่ง...................

นักวิทยาศาสตร์บางคนแยกบันไดเสียงไม่ออก จิตรกรบางคนเขียนจดหมายไม่เป็น
แต่คนเหล่านี้วางตัวเองถูกที่ถูกทาง จึงประสบความสำเร็จใหญ่หลวง 

Picasso เดิมทีอยากจะเป็นกวี แต่บทกวีของเขาถูก Gertrude Stein กวีหญิงวิจารณ์จนไม่มีชิ้นดี  

...........แต่เพราะมีสุภาพสตรีคนหนึ่ง มาสะกิดเตือน เขาจึงวางตัวเองในจุดใหม่ จนกลายเป็นจิตรกรผู้ยิ่งใหญ่ของโลก

อันที่จริง ยังมีผู้คนและเรื่องราวต่างๆอีกมากมาย ล้วนน่าชื่นชมทั้งนั้น ถ้าอยู่ในกาลเทศะที่เหมาะสม
...........เช่น ซุปรสเด็ดเมื่อหยดลงบนเสื้อเชิ้ตกลับกลายเป็นจุดด่างพร้อย
...........คำหวานลับเฉพาะบนเตียง เมื่อเล็ดลอดไปสู่สาธารณชน กลับกลายเป็นคำหยาบโลน 

แปลกดีไหม 


...........อาหารที่อมอยู่ในปาก ถ้าบ้วนออกมาดูน่าขยะแขยง ถ้ากลืนเข้าไปกลับมีคุณค่าทาง โภชนาการ
...........ต่อให้เป็นขยะสกปรกสิ้นดี ถ้าวางถูกที่ เช่นฝังกลบดิน ก็จะกลายเป็นปุ๋ยหล่อเลี้ยงดอกไม้งาม
และผลิตอาหารสุขภาพให้เรา

อาจกล่าวได้ว่า ในโลกนี้ไม่มีสิ่งใด คนใด ต่ำต้อยหรือไร้ประโยชน์ 

ทุกคน ทุกสิ่ง ถ้าวางอยู่ในที่ถูก ย่อมอำนวยประโยชน์ได้ทั้งนั้น 

เช่นกันครับ ให้เรามาดูและเรียนรู้การสร้างบ้าน ครอบครัว ชีวิตสมรส ให้อยู่ในที่ในทางที่ควรจะอยู่จะเป็นให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ อย่างน้อยก็ดีกว่าปล่อยไปตามยะถากรรม

แนะนำเพลงในอดีต

ชุมทางชีวิต- จินตนา สุขสถิตย์
คำร้อง อดิเรก จันทร์เรือง ทำนอง นริศ ทรัพย์ประภา

https://youtu.be/cta1pUrdE6s

วันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ลูกสิบเมียคนเดียว(กำลังปรับปรุง)

“ไอ้ลูกพ่อแม่ไม่สั่งสอน” ใครที่โดนด่าเช่นนี้ บอกได้เลยว่า ไม่ใช่เจ็บแต่ตัวเขาเอง บรรพบุรุษที่ไม่รู้เรื่องก็พลอยโดนเจ็บไปด้วยครับ หรือสั่งสอนแล้วแต่ลูกไม่ยอมทำตาม

ไม่มีโรงเรียนที่ไหนที่จะสอนให้เป็นลูก เป็นสามีหรือภรรยา นอกจากจะหาเอากันเอง อ่านหนังสือ ดูตำรากันเอาเองครับ

ผมแต่งงานมาแล้ว 36 ปี กับแม่ศรีเรือน หวานใจของผมที่เป็นคนต่างชาติ มีลูกมีเต้ามาด้วยกัน 10 คน ใช่แล้วครับ “สิบ”คน แท้ที่จริง 12 ด้วยซ้ำไปครับ เพราะตอนนั้นเรายังไม่ค่อยจะมีความรู้เรื่องการมีลูกก็เลยแท้งก่อนคลอดไปเสียสองคนครับ

นี่แหละครับ ก็เป็นเหตุหนึ่งที่ผมอยากจะเขียนบทความนี้แหละครับ ไม่ใช่ตำรารักษาสารพัดโรคบ้านและครอบครัวนะครับ แต่ก็อยากจะเขียนขึ้นมาก็เพื่อที่จะแบ่งปันประสบการณ์ชีวิตของผมให้น้องๆ ลูกๆหลานๆที่อาจจะนำเอาบางสิ่งบางอย่างบ้างที่ผมกำลังจะร่ายยาวต่อจากนี้ไป(จะได้นานสักเท่าไหร่ก็ไม่ทราบนะครับ) เอาไปประยุกต์ใช้คงจะได้บ้างไม่มากก็น้อยนะครับ

ก่อนอื่นขออนุญาตเรียกตัวเองในที่นี้ว่า”อาทัศน์ พัฒนา” และหวานใจแม่ศรีเรือนของผมว่า ”คุณดรุณี” นะครับ ผมและครอบครัวมีตัวตนจริงๆนะครับ  เรื่องราวต่อไปนี้ไม่ใช่นิยายแต่งขึ้นมานะครับ

คำถามที่ถูกถามบ่อยๆ ก็คือ

 " นี่ลูกคุณจริงๆเลยเหรอเนีย "

" มีเมียกี่คน "

" สิบคนนี่แม่เดียวกันหรือเปล่า "

"  ทำไง ขอสูตรยาดีหน่อยสิ "

ขอตอบเป็นคำตอบสุดท้าย คำตอบเดียวนะครับ

ขอยืนยันว่าผมและครอบครัวมีตัวตนจริง ลูกทั้งหมดก็ลูกจริงไม่ใช่ลูกเลี้ยง หรือรับมาจากใคร คลอดออกมาจากแม่นี้ แม่เดียวครับ ไม่มีสูตรยาดีอะไรครับนอกจากความรัก ความจริงใจ พักผ่อนให้เพียงพอ จบ.

สารบัญ

บทที่ 1 วิกฤติที่หนึ่ง พื้นฐานของลูก การยอมรับและการรู้สึกเป็นที่ยอมรับ
          * วิชาที่ไม่มีใครสอน
          * วิชาพ่อ
          * วิชาแม่
บทที่ 2 บ้านต้องช่วยกันสร้าง อาคารจ้างใครทำก็ได้
          * สร้างบ้านให้เข้มแข็งทำได้อย่างไร
          * พ่อเป็นตะเกียง แม่เป็นแสงสว่าง
          * บ้านคือมหาวิทยาลัยชีวิต
บทที่ 3 โลกคือละคร แต่ชีวิตสมรสไม่ใช่ละคร
          * การโจมตีจากนอกบ้านสู่ครอบครัว
          * มีน้อยดีกว่ามีหนี้
          * อิทธิพลที่จะเปลี่ยนบ้าน
บทที่ 4 ฝึกลูกให้มีฐานแข็งแรง แกร่งแต่ไม่ก้าวร้าว
          * เตรียมลูกก่อนออกไปเผชิญโลก
          * การปลดปล่อยจากการศึกษา
          * การสร้างวินัยในชีวิต
บทที่ 5 กมลสันดาน รากฐานที่ไม่มีวันขาดทุน
          * หัวใจสำคัญที่จะไปสู่ความสำเร็จ
          * แยกประเภคของกมลสันดาน
          * กมลสันดานแบบไทย